เชื้อก่อโรคในขนมจีน

  •  
  •  
  •  
  •  

กล่าวถึงขนมจีน บ้านเรามีการผลิตและขายอยู่ 2 ชนิด คือ ขนมจีนแป้งหมักและขนมจีนแป้งสด มีลักษณะที่แตกต่างกันสิ้นเชิงทั้งรูปและกลิ่น

ขนมจีนแป้งหมักจะมีสีคล้ำๆ เส้นเหนียวมีกลิ่นหมักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับขนมจีนแป้งสดเส้นจะมีสีขาวนวล อุ้มน้ำมากกว่า เส้นจะขาดง่ายเมื่อนำมาทานคู่กับน้ำยาหรือแกงชนิดต่างๆ จะเกิดการผสมผสานกันอย่างลงตัว น้ำยาร้อนๆ น้ำพริกร้อนๆ แกงร้อนๆ ทานแกล้มกับผักสดๆ อร่อยลิ้นอย่าบอกใคร

ทว่า สิ่งที่ต้องพึงระวังคือ บางครั้งทานขนมจีนแล้วทำไมท้องเสีย สาเหตุอาจมาจากทั้งน้ำยาหรือแกง หรือผักสด หรือเส้นขนมจีนที่ไม่สะอาด หรือในระหว่างกระบวนการผลิตไม่รักษาสุขลักษณะให้ดีเพียงพอ

เริ่มตั้งแต่การจัดเก็บแป้ง ที่อาจเก็บรักษาในที่ที่มีความชื้นสูง เส้นขนมจีนจะเปรี้ยวเร็ว รวมไปถึงการนวด การโรยเส้นและการจับเส้นที่ต้องพึงระวัง เพราะมีความจำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อคลายความร้อนจากการต้ม
น้ำที่ใช้หากเป็นน้ำที่ไม่สะอาด หรือไม่ได้เป็นน้ำไหลตลอดเวลาหรือเปลี่ยนน้ำตลอด หรือคนจับเส้นไม่รักษาสุขลักษณะส่วนบุคคล และสุขลักษณะในกระบวนการผลิตให้ดีเพียงพอ อาจทำให้มีเชื้อราหรือเชื้อก่อโรคปนเปื้อนได้ เช่น เชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส
เชื้อชนิดนี้ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน เป็นตะคริวในช่องท้อง และอ่อนเพลีย ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอา ซการอื่นแทรกซ้อน หลายรายจะมีอาการปวดหัว เป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ

วันนี้ สถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่างเส้นขนมจีนจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ย่านการค้า เพื่อนำมาวิเคราะห์การปนเปื้อนของเชื้อ สแตปฟิโล-คอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ผลวิเคราะห์ปรากฏว่าพบเชื้อดังกล่าวปนเปื้อนในปริมาณน้อยมาก คือ น้อยกว่า 10 CFU/กรัม ซึ่งยังไม่เกินเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยาของอาหาร และภาชนะสัมผัสอาหาร ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่กำหนดให้พบเชื้อ สแตปฟิโลคออเรียส ปนเปื้อนในขนมจีนได้ในปริมาณที่น้อยกว่า 100 CFU/กรัม วันนี้ขนมจีนยังปลอดภัยอยู่.

ที่มา  :  ไทยรัฐ : อ่านต่อได้ที่:https://www.thairath.co.th/content/1290142