อนุชา นาคาศัย
“อนุชา” ย้ำอย่าลืมชาติพันธุ์เกษตร ขี้เป็นต้นทุนพัฒนาสู่ความร่ำรวย มุ่งนำพาชาวนาไทย เผยโจทย์ที่ท้าทายของกรมการข้าว คือการจะทำอย่างไรให้เกษตรกรชาวนาไทยหลุดพ้นจากกับดักความยากจน แนะต้องรุกยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และต้องผลักดันศักยภาพข้าวไทยเพื่อเสริมแกร่งในทุกมิติ
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการข้าวครบรอบ 18 ปี โดยมีนายชิษณุชา บุดดาบุญ รองอธิบดีกรมการข้าว ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมการข้าว เข้าร่วม ณ กรมการข้าว กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณข้าราชการพลเรือนดีเด่น คนดีศรีข้าว ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวดีเด่น และศูนย์วิจัยข้าวดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566
นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาที่พี่น้องชาวนาต้องเผชิญ อาทิ ราคาข้าวตกต่ำ การส่งออกข้าวไทยลดลง ต้นทุนการผลิตข้าวที่สูงขึ้น ตลอดจนสถานการณ์ภัยธรรมชาติและแมลงศัตรูข้าว จึงมุ่งมั่นในการหามาตรการแก้ปัญหาความเดือดร้อน เพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนาในฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึง ทั้งนาปรัง และนาปี โดยการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าว และสนับสนุนให้มีการจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อช่วยเหลือชาวนาผู้ประสบภัยดังกล่าว เป็นจำนวนเงินกว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ
“ชาติพันธุ์ของประเทศไทยเป็นชาติพันธุ์เกษตร เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพด้านเกษตร ดังนั้น เราต้องใช้ต้นทุนที่มีมาพัฒนาสร้างรายได้สู่ความร่ำรวย ซึ่งโจทย์ที่ท้าทายของกรมการข้าว คือการจะทำอย่างไรให้เกษตรกรชาวนาไทยหลุดพ้นจากกับดักความยากจน เพื่อนำพาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเกษตรกรชาวนาของประเทศไทยมีมากถึง 4.7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณกว่า 18 ล้านคน เป็นจำนวนถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญของกรมการข้าวที่ต้องร่วมมือกัน ช่วยกันคิดให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่ออนาคตของชาวนาไทยได้หลุดพ้นความยากจน และลูกหลานไทยได้กลับมาอยู่บ้านเกิด ไม่ไปเป็นแรงงานพลัดถิ่น“ นายอนุชา กล่าว
รมช.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้กรมการข้าว เร่งส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าข้าว โดยพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และของเหลือจากการผลิตข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่า ขณะเดียวกัน ยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เช่นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริม เพราะหากเกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ จะส่งผลให้ได้ผลผลิตต่อไร่มากขึ้น และช่วยควบคุมต้นทุนการผลิตข้าวได้เป็นอย่างดี เป็นเรื่องที่เราต้องไม่หยุดพัฒนา ขณะเดียวกัน ตนยังเดินหน้าขับเคลื่อนแนวคิด “เงินบาทแรกของแผ่นดิน” ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เพราะเกษตรกรเป็นกำลังซื้อหลักของประเทศ ที่จะสามารถเพิ่มตัวเลข GDP ให้เติบโตขึ้นได้ ส่งผลให้ชาวนาไทยได้หลุดพ้นจากหนี้สิน
ทั้งนี้ กรมการข้าวได้ดำเนินงานเพื่อสนองแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวนา กรมการข้าว อาทิ การจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าว เปิดโอกาสให้ชาวนาผู้ปลูกข้าวในชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการพัฒนาข้าวด้วยตนเอง โดยมีกรมการข้าวเป็นพี่เลี้ยง โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer เน้นพัฒนาชาวนาอย่างรอบด้านให้ชาวนาไทยพึ่งพาตนเอง และเป็นแบบอย่างแก่ชาวนารายอื่น
เพื่อการพัฒนาภาคการเกษตรให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โครงการ Young Smart Farmer เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่ประกอบอาชีพเกษตร สามารถบริหารจัดการการเกษตร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ พึ่งพาตนเอง และเป็นผู้นำทางการเกษตรในท้องถิ่นได้ เพื่อสร้างอาชีพชาวนาให้มีความเข้มแข็ง มีรายได้ที่มั่นคงในอนาคตต่อไป