กรีนอินฟินิท จับมือ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เดินหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชงเพื่ออาหารสุขภาพและประโยชน์ทางการแพทย์” หวังดันไทยเป็น “ศูนย์กลางพืชสมุนไพรโลก”ชี้ไทยปลดล็อคกัญชง มา 2 ปีแล้ว แต่เกษตรกรยังปลูกไม่ได้ผิดกฎหมาย ขณะที่ทั่วโลกปลูกแล้วกว่า 60 ประเทศ ทำให้เกษตรกรไทยเสียโอกาสทางรายมหาศาล ระบุราคาถ้าปลูกเพียง 2 ไร่ ได้เงินปีละถึง 6 ล้าน วอนรัฐพิจารณาให้สามารถปลูกเชิงพาณิชย์ก่อนที่จะล้นตลาดในอนาคต
วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ได้มีพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความมือ(เอ็มโอยู)ทางวิชาการว่าด้วย “โครงการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชงเพื่ออาหารสุขภาพและประโยชน์ทางการแพทย์”ระหว่างบริษัท กรีนอินฟินิท จำกัด กับมหาวิทยาลัยนเรศวร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยมีตัวแทนประกอบด้วย ศ.(พิเศษ) ดร.กาญจนา เงารังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร, นายธีรยสถ์ จิตต์เสนา ประธาน บริษัท กรีนอินฟินิท จำกัด ,นายทรงภพ สืบชาติ กรรมการ บริษัท กรีนอินฟินิทจำกัด, นายเด่นชัย ลาวิชัย ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชงบ้านสันธาตุ ,นายจักรภฤต บรรเจิดกิจ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกพืชผักสมุนไพรวังทรายพูน,นายเจนศิลป์ เจริญบวรศักดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร ,และนายอภิทรัพย์ เลิศสิริประภา ประธานมูลนิธิในโครงการตามพระราชดำริสวนป่าสมุนไพร ณ โรงแรม มิราเคิลแกรนด์ หลักสี
นายธีรยสถ์ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงในครั้งนี้ เกิดจากวิสัยทัศน์ ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพืชสนุนไพรโลก จึงก่อให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการครั้งสำคัญ และนำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรไทยและกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจ รวมทั้งการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางพืชสมุนไพรโลก” อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่เกษตรกรไทยที่จะสามารถสร้างรายได้และส่งต่อไปถึงเกษตรกรรุ่นลูก รุ่นหลานแบบยั่งยืนต่อไป
สำหรับวิสัยทัศน์ของบริษัท กรีนอินฟินิท จำกัด ต้องการสร้างและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพืชสนุนไพร อีกทั้งยังต้องการให้เกิดการพัฒนาการสกัดสารเคมีสำคัญต่างๆ จากพืชสมุนไพร เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและทางการแพทย์ ขณะเดียวกัน ยังต้องการให้เกิดการยกระดับมาตรฐานพืชสมุนไพรไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป้าหมายบริษัทกรีนอินฟินิท จะเป็นการสนับสนุนเกษตรกรแบบครบวงจรในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุน เพื่อให้เกิดเป็นต้นแบบของ Smart Farmer อันจะช่วยตอบสนองนโยบายของภาครัฐ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำแก่เกษตรกร ที่มาเข้าร่วมกลุ่มกับทางบริษัททั้งหมด
พร้อมกับจัดให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ในแบบการผสมผสานร่วมกัน และไม่พึ่งพาสารเคมีอันตราย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มเกษตรกรโดยตรง ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นในโครงการจะแบ่งสัดส่วนให้เกษตรกร 50 % หลังจาก 5 ปีที่เกษตรกรสามารถดำเนินการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง แล้วทางบริษัทจะส่งมอบกิจการให้กับเกษตรกรทั้งหมด 100 %
นอกจากนี้ บริษัท กรีนอินฟินิท ยังมีเป้าหมายในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรที่เป็นกลุ่มสมาชิกในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน โดยเกษตรกรในกลุ่มจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่มีความต้องการสูงในตลาดต่างประเทศ เกษตรกรจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทำจริง ปลูกจริง ขายจริง และสามารถสร้างรายได้ได้จริง “Nutrient which are made from real food, your body is able to absorb and use the active nutrients much more efficiently” ถือเป็นหลักการของ Food stage ที่กำลังเป็นกระแสความต้องการในต่างประเทศในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ จะยึดหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในรูปแบบ Food stage เพราะเชื่อว่า รูปแบบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจะมีผลดีต่อร่างกายมนุษย์มากกว่าการสารสังเคราะห์
ขณะที่แนวทางการสร้างผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ยังเน้นไปในด้านการแปรรูปและสกัดสารเชิงซ้อน โดยจะสกัดพืชสมุนไพรให้อยู่ในรูปแบบต่างๆเช่นอาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอาง ยา รวมถึงการกำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทิ้งไป ดังนั้นจึงทำให้สมุนไพรยังจะคงสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไว้ครบถ้วน และทำให้ร่างกายนั้นสามารถนำสารสกัดดังกล่าวไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ผมยังงงที่จริงรัฐบาลปลดล็อคกัญชงมาจากยาเสพติดประเภท 5 มากว่า 2 ปีแล้ว แต่ทำไมเกษตรกรยังปลูกไม่ได้ผิดกฎหมาย ขณะที่ทั่วโลกกว่า 60 ประเทศอนุญาติให้เกษตรกรปลูกเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ทำให้เกษตรกรเสียโอกาส เพราะถ้าราคาอย่างปัจจุบันถ้าปลูก 2 ไร่ จะมีรายได้ 5-6 ล้านบาท ฉะนั้นต้องช่วยกัยกันให้รัฐบาลปลดล็อคอย่างจริง เพื่อเกษตรกปลูกได้ (รายละเอียดในคลิป)