“กฤษฎา” จี้ จนท.ระดับพื้นที่ต้องเน้นเกษตรกรรมเชิงรุก

  •  
  •  
  •  
  •  

“กฤษฎา” นำทีมผู้บริหารกระทรวงเกษตาฯ ลงพื้นที่ แจงนโยบายปฏิรูปภาคเกษตร ชี้กลไกสำคัญที่จะผลักดันนโยบายในระดับพื้นที่ได้ดีที่สุด คือบุคลากรในพื้นที่ตั้งแต่ระดับจังหวัด จนถึงตำบล ที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงนโยบายจากส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค ย้ำยุทธศาสตร์การทำงานต้องทำเกษตรกรรมเชิงรุก การสนับสนุนให้ผลิตสินค้าเกษตรใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาด

               เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 มกราคม 2561  นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อมด้วยนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ร่วมประชุมสัมมนา “การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ” ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ณ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น

             ทั้งนี้เพื่อชี้แจงนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ และเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งหารือร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ในการจัดหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งหมด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ภาคเอกชน ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวนทั้งสิ้น 815 คน

              นายกฤษฎา กล่าวว่า กลไกสำคัญที่จะผลักดันนโยบายในระดับพื้นที่ได้ดีที่สุด คือ บุคลากรในพื้นที่ตั้งแต่ระดับจังหวัด จนถึงตำบล ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับเกษตรกร จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงนโยบายจากส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค

                ดังนั้น การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นจากในพื้นที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้ง 2 ระดับ ได้แก่ ฝ่ายอำนวยการ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นเลขานุการ ที่จะต้องนำนโยบายรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ และข้อมูลในพื้นที่มากำหนดยุทธศาสตร์การทำงานทั้งการทำเกษตรกรรมเชิงรุก คือ การสนับสนุนให้ผลิตสินค้าเกษตรใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาดในลักษณะ niche market

การแปรรูปเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เช่น โรงคัดแยกที่ได้มาตรฐาน บรรจุภัณฑ์ที่ลดการสูญเสียการนำระบบข้อมูลสารสนเทศและนวัตกรรมมาใช้ในขั้นตอนการผลิต การแปรรูป และการตลาดเพิ่มขึ้น และการทำเกษตรกรรมเชิงรับ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าที่ทำอยู่เดิม หรือมีความเหมาะสมตามศักยภาพพื้นที่ และกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการเกษตรกรรมพื้นที่อย่างชัดเจน

                 ขณะที่ฝ่ายปฏิบัติการซึ่งตั้งขึ้นใหม่ ประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด และคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาการเกษตรระดับอำเภอ โดยมีสำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภอ เป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการในพื้นที่โดยมีหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯร่วมปฏิบัติงานตามโครงการและแผนงานที่ถูกกำหนดโดยฝ่ายอำนวยการ โดยเฉพาะการลงพื้นที่รับฟังปัญหา สนับสนุน หรือแนะนำการปรับเปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหรือผลผลิตในแต่ละช่วงเวลา ดูแลปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่มอบ หรือแจกเกษตรกรต้องมีคุณภาพ เป็นต้น

                 ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีหน่วยงานและบุคลากรในพื้นที่จำนวนมาก การสร้างความเข้าใจในนโยบายของกระทรวงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ร่วมมือบูรณาการทำงานร่วมกันท่ามกลางความท้าท้าย 3 ด้าน คือ การปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข 2.การพัฒนากลไกตลาดให้เอื้อต่อการผลิตของเกษตรกร 3.การรับมือกับระบบการค้าเสรีของโลก และภัยคุกคาม 3 ประเภท คือ 1.การไม่ใส่ใจดูแลแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร 2.การแก้ไขปัญหาการเกษตรแบบไม่ยั่งยืน หวังเพียงผลคะแนนนิยม ทางการเมืองเท่านั้น 3.การทุจริตคอรัปชั่น และประพฤติมิชอบในวงราชการ

[adrotate banner=”3″]

                “ปัจจุบันผมได้มอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ อธิบดี และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ รวม 30 คน ลงมาเป็นผู้แนะนำ(coaching) การทำงานเป็นรายจังหวัดแล้ว จึงขอให้ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯในจังหวัดต่างๆได้ติดต่อขอรับคำแนะนำได้ ขณะเดียวกันขอให้ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ ที่รับผิดชอบจังหวัดตามข้อตกลงไว้แล้ว เข้าไปติดตาม รับฟังปัญหาต่างๆในจังหวัดที่ตนเองรับผิดชอบด้วย เพื่อค่อยช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้จังหวัดเหล่านั้น หากเป็นปัญหาเชิงนโยบายหรือต้องการขอรับการสนับสนุนจากผู้กำหนดนโยบายหรือรัฐบาล ก็ขอให้แจ้งมาที่ผมได้ทันทีและตลอดเวลา”นายกฤษฏา กล่าว