“อ.ยักษ์”ชูชุมชนบ้านแม่ทา ตัวอย่างที่ดีใช้พื้นที่ คทช

  •  
  •  
  •  
  •  

“อาจารย์ยักษ์” ชูพื้นที่ชุมชนบ้านแม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่พื้นที่ คทช. อื่นๆ ที่สามารถการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ด้วยการรวมกลุ่มพัฒนาพื้นที่ป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์ และมีการศึกษาพื้นที่ป่า พร้อมทำวิจัยเรื่องน้ำ และรวมกลุ่มพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

          ​นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ทำกินโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล พื้นที่ชุมชนบ้านแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ว่า พื้นที่ชุมชนบ้านแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล เป็นพื้นที่รับมอบจากกรมป่าไม้ 2,323 แปลง พื้นที่ 7,282 ไร่  คณะอนุกรรมนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) จังหวัดได้อนุญาตให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์ 1,374 ราย 2,693 แปลง พื้นที่ 5,586 ไร่ นับหนึ่งในพื้นที่ตัวอย่างที่ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่มีความเข้มแข็งด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชิงพื้นที่ มีกิจกรรมทำแนวเขตป่า การปลูกป่า 3 ฤดู ตลอดทั้งการส่งเสริมการรวมกลุ่มในการพัฒนาอาชีพ แบ่งเป็น กลุ่มอาชีพและกลุ่มเศรษฐกิจสังคม 9 กลุ่ม ได้แก่

            กลุ่มประดิษฐ์และแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน​กลุ่มแม่ทาออร์แกนิค กลุ่มเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนแม่ทา​ กลุ่มผู้นำธรรมชาติ กลุ่มศูนย์สาธิตการตลาดบ้านท่าข้าม กลุ่มน้ำดื่มแม่ทาทิพย์​กลุ่มธนาคารหมู่บ้านห้วยทราย กลุ่มกองทุนที่ดินตำบลแม่ทา และกลุ่มข้าวคุณภาพ นอกจากนี้ ได้มีการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนโดยวิธีการสหกรณ์ โดยประชาชนในพื้นที่โครงการเป็นสมาชิกสหกรณ์​ ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด สหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด (จ.ลำพูน) และ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส. จำกั

         “พื้นที่ชุมชนบ้านแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีให้แก่พื้นที่ คทช. อื่นๆ ด้วยการสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนในพื้นที่มีการรวมกลุ่มพัฒนาพื้นที่ป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์ มีการศึกษาพื้นที่ป่าและทำวิจัยเรื่องน้ำ และรวมกลุ่มพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องผลักดันให้เกษตรกรหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจและเป็นพลังขับเคลื่อนสืบทอดพัฒนาพื้นที่แทนเกษตรกรรุ่นเก่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ คทช. อื่นๆเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไป” นายวิวัฒน์ กล่าว

[adrotate banner=”3″]

             หลังจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ตลอดทั้งรับฟังข้อเสนอแนะของศูนย์ฯ ซึ่งเดิมศูนย์ฯดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง ที่เหมาะสมของพื้นที่ภาคเหนือ และเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเอง โดยได้มีการทำการศึกษาพัฒนาป่าไม้ 3 อย่าง คือ ใช้สอย ไม้ผล ไม้เชื้อเพลิง ซึ่งจะอำนวยประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ คงความชุ่มชื้นเอาไว้ในพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์ โดยต้นทางเป็นการศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธารและ ปลายทางเป็นการศึกษาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ผสมกับการศึกษาด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆในศูนย์ฯ แล้วนำไปใช้ปฏิบ้ติอย่างได้ผลต่อไป 

            ​ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบนโยบายให้ศูนย์ฯ ทำหน้าที่ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่สร้างความเข้มแข็งในการปกป้องอนุรักษ์ผืนป่า ดิน และน้ำ การให้ความสำคัญในเรื่องเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการทำวิจัยพัฒนา การส่งเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ตลอดทั้งสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจการพัฒนาผืนป่าและน้ำให้คงความอุดมสมบูรณ์สืบต่อไป