“เฉลิมชัย” ฟันธงภาคเกษตรไทย นโยบาย “เกษตร 4.0 ” ไม่พอแล้ว ต้องก้าวข้ามสู่ “เกษตร 5.0 ” ในเร็วๆนี้ เพราะนวัตกรรมและเทคโนโยยีการเกษตรสมัยใหม่พัฒนารวดเร็วมาก ระบุหากไม่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ไม่มีทางที่จะพัฒนาภาคการเกษตรได้ ประกาศพร้อมเดินหน้างานวิจัยและพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ตามใหม่ตามที่ตลาดต้องการ ยืนยันจะอยู่เคียงข้างเกษตรกรไทย เพื่อนำพาประเทศก้าวสู่เกษตรอุตสาหกรรมและเกษตรมูลค่าสูง พร้อมๆกับการนำพาเกษตรกรไทยให้มีอาชีพที่มั่นคง พึ่งพาตัวเองได้อย่างเข้มแข็ง
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่ากากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ “ถอดรหัส-นวัตเกษตรไทย” ในโอกาสครบรอบ 15 ปี สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย (23 ปี รวมพลคนข่าวเกษตร) ณ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯว่า ภาคเกษตรเป็นภาคการผลิตที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดย GDP ภาคเกษตรมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 8.5 ของ GDP รวมทั้งประเทศ ที่มาจากกิจกรรมการผลิตทางการเกษตร 5 สาขา ได้แก่ สาขาพืช ประมง ปศุสัตว์ บริการทางการเกษตร และป่าไม้ ซึ่งไม่รวมถึงเกษตรแปรรูป ที่อยู่ใน GDP ภาคอุตสาหกรรม แต่ภาคเกษตรก็ยังคงมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของประเทศไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาคเศรษฐกิจอื่น โดยเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทยและกับโลก
สำหรับปัญหาหลักของภาคเกษตร คือ ต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรไม่เข้าถึงแหล่งเงินทุน (ขาดหลักค้ำประกันขาดองค์ความรู้ ต้องพึ่งพาแหล่งทุนนอกระบบ ดอกเบี้ยสูง) ไม่มีตลาด ขาดแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ภัยธรรมชาติ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ หนี้สินครัวเรือน มาตรฐานผลผลิต พันธุ์พืช/พันธุ์สัตว์ และบูรณาการภาครัฐ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้นำปัญหาของภาคเกษตร ทั้งก่อนและหลังการผลิต มาจัดทำเป็น 15 นโยบายหลักอย่างครบวงจร ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มีส่วนร่วมและทำงานกันเป็นทีม เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร โดยต้องนำเทคโนโลยีนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร
นอกจากนี้ ช่องทางการตลาดก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนภาคเกษตรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ต้องรู้ว่าตลาดต้องการสินค้าแบบไหน โดยสินค้าเกษตรต้องมีความปลอดภัย มีคุณภาพ การบริหารจัดการสินค้าเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความต้องการ (Demand) และปริมาณผลผลิต (Supply) ภายใต้หลัก “ตลาดนำการผลิต”อย่างไรก็ตามภาคการเกษตรต้องไทยต้องยอมรับว่า หากเข้าไม่ถึงหรือไม่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีจะไม่สามารถพัฒนาได้เลย เพราะเทคโนโลยีไปไกลแล้วและมีการพัพัฒนารวดเร็ว ต่อไปเกษตร 4.0 ในยุคตนจะหมดไป ไม่พอ และกำลังก้าวเข้าสู่เกษตร 5.0 ในเร็วๆหน้าหรือสมัยหน้า
ดังนั้นกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายและขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรที่ครอบคลุมหลายสาขา ทั้งพืช สัตว์ ประมง ดิน น้ำ สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร การจัดการพื้นที่เกษตรกรรม รวมไปถึงมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร โดยจะเน้นและทุ่มเทงานด้านการวิจัยพัฒนาในทุกมิติทั้งหารพัฒนาสายพันธุ์พืช สัตว์ ประมง ไปพร้อมๆกับการพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมๆกัน และสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ถือว่ามีความสำคัญ เพื่อสร้างการรับรู้แก่เกษตรกร สื่อมวลชนเกษตรจึงมีส่วนสำคัญในการสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร ประชาชนและสังคม เพื่อให้เข้าใจและรับทราบถึงผลดี ผลเสีย และผลกระทบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้พื่อที่พี่น้องเกษตรกรจะได้เตรียมพร้อมรองรับความท้าทายได้อย่างทันท่วงที จึงต้องขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนเกษตรและคนข่าวเกษตร ที่นำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องและอยู่เคียงคู่กระทรวงเกษตรฯ ตลอดมา และพร้อมเคียงข้างเกษตรกรไทย นำพาประเทศก้าวสู่เกษตรอุตสาหกรรมและเกษตรมูลค่าสูง และนำพาเกษตรกรไทยให้มีอาชีพที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างเข้มแข็งต่อไป
สำหรับการจัดงาน เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย (23 ปี รวมพลคนข่าวเกษตร) จัดขึ้น ณ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ เมื่อค่ำวันที่ 10 ธันวาคม 2565 มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่ากากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ “ถอดรหัส-นวัตเกษตรไทย” โดนนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรฯ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ในโอกาสนี้ ดร.อภิวัฒน์ จ่าตา นายกสมาคมสื่อมวลชนเกษตรเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอบคุณนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งวันนี้เป็นวันสำคัญของนักข่าวสายเกษตรอีกวันหนึ่งที่ได้เริ่มก่อตัวตั้งชมรมเมื่อ 23 ปีก่อน จนถึงวันนี้ จากชมรมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทยเป็นชมรมเล็กๆ ได้ยกฐานะมาเป็นสมาคมสื่อมวลชนเกษตรฯ ที่ยิ่งใหญ่ โดยตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา ได้นำเสนอข่าวสารในเเวดวงเกษตร ตั้งเเต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อให้ประชาชนรับรู้ ได้นำไปพัฒนา ต่อยอด เพื่อให้เกิดมูลค่า เกิดรายได้ หล่อเลี้ยงธุรกิจ ได้มีอาชีพที่มั่นคง และยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างหลากหลายที่เป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการด้านการเกษตร และเกษตรกรโดยตรงมาอย่างต่อเนื่อง
“สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ต้องขอขอบพระคุณเเหล่งข่าว ที่ได้ให้ข้อมูลข่าวสาร ในด้านการผลิต นวัตกรรมต่างๆ ให้สื่อได้นำเสนอข่าวสาร ให้สื่อได้มีชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาเเก่บุตรหลานสมาชิกสมาคมฯ มาโดยตลอด ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง หากท่านไม่มีท่านสนับสนุน ก็ไม่่มีสมาคมในวันนี้ครับ”ดร.อภิวัฒน์ กล่าว