สทนช. ชี้ 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ฝนภาคเหนือและอีสานจะลดลง ขยับลงมาตกในพื้นที่ ภาคกลางและใต้ เร่งวางแผนทุกลุ่มน้ำเพิ่มพื้ นที่รองรับฝนปลายฤดู พร้อมยังคงต้องเฝ้าระวังความเสี่ ยงในการเกิดพายุช่วงฤดูฝนนี้อีก 1 ลูก
วันที่ 2 ตุลาคม 2567) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติ ดตามและประเมินสถานการณ์น้ำ ประจำสัปดาห์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่ งชาติ สทนช. เปิดเผยผลการประชุมว่า จากการประเมินสถานการณ์ร่วมกั บกรมอุตุนิยมวิทยาและ สสน. พบว่าในช่วง 2-3 ต.ค.67 ยังมีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และเชียงราย จึงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่ องและติดตามสถานการณ์น้ำอย่ างใกล้ชิด รวมถึงขอให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริ เวณริมแม่น้ำกกเตรียมความพร้ อมรองรับความเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ งด้วย ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ ในภาพรวมเดือน ต.ค. 67 พบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนื อจะมีปริมาณฝนลดลง เนื่องจากร่องความกดอากาศบริ เวณพื้นที่ตอนบนของประเทศจะขยั บเลื่อนลง ส่งผลให้มีฝนตกบริเวณภาคกลาง ก่อนจะขยับลงไปสู่พื้นที่ภาคใต้ ในช่วงหลังวันที่ 15 ต.ค. 67 ตามลำดับ
โดยจากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่ วงที่ผ่านมา ส่งผลให้แหล่งน้ำทั่ วประเทศสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 74% ของความจุแหล่งน้ำทั้งหมด ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะใช้ สำหรับเป็นน้ำต้นทุนสำหรับกิ จกรรมการใช้น้ำต่าง ๆ ในช่วงฤดูแล้งหน้า พร้อมกันนี้ ได้มีการพิจารณาบริหารจัดการน้ำ ในเขื่อนที่มีน้ำมากโดยคำนึงถึ งการป้องกันน้ำล้นเขื่อนส่ งผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งยังคงต้องมีการเตรียมพร้ อมรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิ ดพายุได้อีก 1 ลูก ในเดือนนี้ ซึ่ง สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติ ดตามแนวโน้มของการเกิดพายุและทิ ศทางของพายุตลอดช่วงฤดูฝนนี้
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่ าง ๆ ขณะนี้น้ำที่เอ่อล้นในลุ่มน้ำปิ งและลุ่มน้ำวังทยอยกลับเข้าสู่ ภาวะปกติแล้วในเกือบทุกพื้นที่ โดยขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำจากเขื่ อนกิ่วลม – กิ่วคอหมา ซึ่งมีปริมาณน้ำมากเพื่อเพิ่มพื้ นที่ว่างในการรองรับน้ำหากมี ฝนตกเพิ่ม ในส่วนของลุ่มน้ำยม มวลน้ำได้เคลื่อนตัวผ่าน จ.สุโขทัย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณน้ำในทุ่ งบางระกำซึ่งเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ ได้เกินความจุแล้ว ที่ประชุมในวันนี้จึงมีมติ ในการปรับลดการระบายน้ำของเขื่ อนสิริกิติ์และเขื่อนนเรศวร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำ ของแม่น้ำยม รองรับน้ำที่ระบายออกจากทุ่ งบางระกำต่อไป
นอกจากนี้ ยังคงต้องระบายน้ำจากเขื่อนเจ้ าพระยาเพื่อลดระดับน้ำบริ เวณเหนือเขื่อนสำหรับรองรับปริ มาณน้ำจากแม่น้ำน่านและแม่น้ำ ยมให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาได้ โดยเร็วที่สุด แต่ให้คงการระบายไว้ไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที และได้มีการทยอยระบายน้ำ ออกจากทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรั บการเพาะปลูกในช่วงเดือน พ.ย. 67 ด้วย