ยืนยันอีราย ไข่ไก่ไม่ขาดแคลนแน่นอน ชี้ทุกอย่างสู่ภาวะปกติแล้ว

  •  
  •  
  •  
  •  

พเยาว์ อริกุล

นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง ออกยืนยันอีกรายว่า ราคาไข่ไก่จะไม่ขาดตลาดแน่นอน เผยสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย แต่…ยอมรับอากาศร้อน ทำให้แม่ไก้ออกไข่น้อยลง 10-15% การันตีราคาไข่คละหน้าฟาร์มจะไม่เกินฟองละ 3 บาทตามที่ตกลงกับกระทรวงพาณิชย์อย่างแน่นอน

    นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง กล่าวถึงสถานการณ์ไก่ไข่ขาดตลาดในขณะที่ว่า กำลังเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์ เร่งตรวจสอบจับกุมและดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายไข่ไก่ทั่วประเทศ ที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายไข่ไก่ในราคาแพง และมีพฤติกรรมกักตุนสินค้า ทำให้ผู้ค้าไม่กล้าฉกฉวยโอกาส และผู้บริโภคมีความเข้าใจในสถานการณ์และเริ่มซื้อไข่ไก่ในปริมาณที่เพียงพอกับการบริโภคในครัวเรือน

     ทั้งนี้สมาคมฯและเกษตรกรผู้เลี้ยงทุกคนยังคงร่วมมือกันบริหารจัดการการเลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีผลผลิตไข่ไก่เพียงพอกับการบริโภคของคนไทยและยืนยันว่า ไข่ไก่จะไม่ขาดแคลน ตลอดจนกำชับให้สมาชิกสมาคมฯ ดูแลราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มให้เป็นไปตามที่ตกลงกับกระทรวงพาณิชย์คือไม่ให้เกิน 3 บาทต่อฟอง และเกษตรกรได้ยืดอายุแม่ไก่ไข่ยืนกรงออกไปตามที่แต่ละฟาร์มเห็นว่าเหมาะสม จากเดิมที่กำหนดให้ปลดแม่ไก่ยืนกรงที่อายุ 80 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณไข่ไก่เข้าสู่ตลาดตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการ


     อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับปัจจุบันทั่วประเทศ นอกจากจะเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้แม่ไก่ให้ไข่ลดลงประมาณ 10-15% และอากาศเช่นนี้ ส่วนใหญ่ไข่จะมีแต่ขนาดกลางถึงเล็กประมาณเบอร์ 3-4-5 เท่านั้น จากปกติมีไข่ไก่  6 ขนาด คือเบอร์ 0 ใหญ่สุด – เบอร์ 5 เล็กสุด ส่งผลให้เกษตรกรขายไข่ได้ราคาลดลงตามไปด้วย เมื่อผนวกกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าน้ำที่ต้องซื้อ ซึ่งน้ำมีหลายราคาตามคุณภาพของน้ำ และยังมีค่าไฟที่เพิ่มขึ้นจากการต้องเปิดระบบน้ำพ่นฝอยเพื่อลดความร้อนภายในโรงเรือน รวมถึงระบบน้ำและพัดลดระบายอากาศของโรงเรือนอีแวป ช่วงนี้เกษตรกรทุกคนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น จากค่าน้ำค่าไฟที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 สตางค์ต่อฟอง จึงขอให้ผู้บริโภคเข้าใจเกษตรกรด้วย


      “ตอนนี้อากาศร้อนจัดโดยเฉพาะในบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้แม่ไก่ไข่มีความเครียด กินอาหารได้น้อย และให้ผลผลิตไข่น้อยลงจากปกติ ที่สำคัญภาวะแล้งทำให้เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องซื้อน้ำมาใช้ในฟาร์ม ทั้งเพื่อให้แม่ไก่กิน รวมถึงน้ำที่ใช้สำหรับฉีดพ่นละอองฝอยตามโรงเรือนเลี้ยงไก่และบนหลังคาโรงเรือน เพื่อลดความร้อนให้ไก่ไข่ได้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่ส่วนใหญ่เลี้ยงในโรงเรือนแบบเปิด จึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ในการปรับสภาพอากาศในการเลี้ยงไม่ให้ร้อนจัดจนส่งผลกระทบกับตัวสัตว์ ขณะที่การเลี้ยงในโรงเรือนปิดแบบอีแวปก็ต้องเปิดระบบทำความเย็นที่ต้องใช้น้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ” นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง กล่าว