คณะกรรมการด้านการเกษตรของสหภาพยุโรป-ราชอาณาจักรภูฏาน ชู “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยชั้นนำที่เป็นเลิศทางการเกษตรในระดับนานาชาติ” หลังจากผู้บริหารนำคณะ เยือน ราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อสานความสัมพันธ์ในระดับนานาชาติระหว่าง วันที่ 14-18 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา
ผศ. ดร.จำเนียร ยศราช อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยแม่โจ้เดินทางไปปฏิบัติงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และร่วมกิจกรรมวิชาการระดับนานาชาติณ ราชอาณาจักรภูฏาน ในโอกาสนี้คณะของผู้บริการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เข้าพบหารือความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้แห่งราชอาณาจักรภูฏาน อธิบดีทุกกรม และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ในโอกาสนี้ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาบุคลากรของกระทรวงฯ ประกอบด้วย บุคลากรมาศึกษาต่อระดับปริญญาโทจำนวน 8 คน ฝึกอบรมระยะสั้นขั้นสูงใน 115 หลักสูตร จำนวน 460 คน ระหว่างปี พ.ศ. 2560-2562
นอกจากนี้คณะกรรมการของสหภาพยุโรป (EU) และกระทรวงกระทรวงเกษตรและป่าไม้แห่งราชอาณาจักรภูฏานพิจารณาคัดเลือกให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นสถาบัผนการศึกษาเกษตรที่เหมาะสมที่สุด
จากนั้น อธิการบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ได้ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Bhutan Mushroom Festival 2017 ภายในงานมีนิทรรศการรวบรวมพันธุ์เห็ดธรรมชาติมากกว่า 80 สายพันธุ์ การผลิตอาหารจากเห็ด การแปรรูป และกิจกรรมเฉลิมฉลองโดยมีนักท่องเที่ยว ชาวญี่ปุ่น เกาหลีและมีชาวภูฏานเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่พร้อมคณะยังได้เดินทางไปหารือและลงพื้นที่เพื่อศึกษาหาแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรระยะสั้นด้านป่าไม้และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ กับ Mr. Rabgye Tobden อธิบดีกรมการเกษตร และผู้บริหารกรมป่าไม้และอุทยาน ณสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ และศูนย์อนุรักษ์ทาคิน สัตว์ประจำชาติของภูฏานซึ่งใกล้จะสูญพันธุ์
การเดินทางไปปฏิบัติงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งได้รับความชื่นชมและได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีฯ เป็นผู้แทนชาวภูฏานกล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่จะเป็นสถาบันการศึกษาด้านการเกษตรในการให้ความช่วยเหลือสำหรับการพัฒนาบุคลากรของกระทรวงอันจะเป็นพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนาภาคการเกษตร ความเป็นอยู่ เศรษฐกิจและความมั่นคงในภาพรวมของราชอาณาจักรภูฏานในอนาคต ทั้งนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ก้าวสู่ความเป็นสถาบันทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการด้านการเกษตรของสหภาพยุโรป (EU) และคณะรัฐบาลของราชอาณาจักรภูฏานในครั้งนี้