โดย…นายสวีสอง
ราวกับฟ้าบันดาล ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ได้คุยถึงถั่ว เลยเล่าถึง “ถั่วหรั่ง” ของภาคใต้ เพราะสมัยเด็กๆคุ้นมาก โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ จะมีการต้ม”ถั่วหรั่ง”ใส่เกลือมากินเล่นในตอนเช้า ซึ่งถือเป็นช่วงที่อากาสเย็นที่สุดในภาคใต้ พูดไปไม่กี่วันมีคนมาจากภาคใต้นำ “ถั่วหรั่งมา” ในราคา กก.ละ 70 บาทจึงซื้อมาต้มและแจกไปให้คนภาคอื่นกิน ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่รู้จัก
“ถั่วหรั่ง” มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา บริเวณหมู่เกาะมาดากัสการ์ ต่อมาได้มีการแพร่กระจายไปยังทวีปอเมริกาใต้และเอเชีย ในบ้านเรานั้นเข้ามาครั้งแรกบริเวณชายแดนทางภาคใต้ ในปี พ.ศ. 2474 จึงทำให้มีการปลูกมากที่สุดคือ จ.สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี พัทลุง กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
ในแต่ละพื้นที่มีชื่อเรียกกันแตกต่างกันไป อาทิ ถั่วหรั่ง,ถั่วเมล็ดเดียว,ถั่วโบ ชาวมุสลิมเรียกภาษายาวีว่า กาแปโจ นิยมปลูกเพื่อนำมาบริโภคทั้งอาหารคามคือใส่ในแกงมัสมัน ทำขนมหวาน อาหารว่าง หรือขนมขบเคี้ยว หรือบดทำแป้งก็ได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อาทิ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำมัน และมีสารเมทไธโอนีน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูงกว่าถั่วชนิดอื่น และมีสรรพคุณ ลดนโรคเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็งลำไส้ด้วยๆ
งานวิจัยของ ผศ.ดร.กรวินท์วิชญ์ บุญพิสุทธินันท์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พบสารสกัด “ถั่วหรั่ง” ลดสร้างเมลานิน ต้านสารอนุมูลอิสระ สร้างคอลลาเจน โดยสารสกัดของถั่วหรั่ง มีฤทธิ์ที่ดีกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป (antioxidant) เช่น วิตามินซีและวิตามินอี จะช่วยในเรื่องของการป้องกันการทำลายดีเอ็นเอในระดับเซลล์และเนื้อเยื่อ ลดการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนังของสารอนุมูลอิสระที่พบในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้สามารถลดริ้วรอยและการแก่ก่อนวัยได้ นอกจากนี้จะช่วยลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ และรอยจุดด่างดำ ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เป็นพืชล้มลุกตระกูลถั่ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า : Voandzeia subteranen (L.) Thou อยู่ในวงศ์ : PAPILONACEAE อาน้อยลำต้นตั้งตรง และเลื้อยขนานไปกับพื้นดิน ลำต้นกลม แบ่งเป็นข้อๆ สีเขียว
ใบ เป็นใบประกอบ ใบย่อยมี 3 ใบ รูปทรงรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลมมน แต่ละใบมีก้านใบยาวถึง 12 ซม.ออกบริเวณลำต้น ก้านใบหลักมีสีเหลืองใบย่อย กว้าง 1-3 ซม. ยาว 3-7 ซม.ขอบและผิวใบเรียบ
ดอก ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ช่อละ 2-3 ดอก มีก้านดอกสั้น ราว 3-4 มล.ดอกบานมีกลีบเป็นชั้น 5 กลีบคือนอกสุด 1 กลีบ ตรงกลาง 2 กลีบ ในสุด 2 กลีบสีเหลือง กว้าง 0.4-0.6 ซม. ยาว 0.6-0.8 ซม.ตรงกลางมีเกสรตัวผู้ 10 อัน
ผล เป็นฝัก รูปทรงกลมรี กว้าง 1 ซม.ยาว 1.4 ซม. เปลือกฝักมี 3 ชั้น ชั้นนอกและชั้นกลางเชื่อมติดกัน ด้านในมี 1-2 เมล็ด ภาพนี้ขอบคุณ:puechkaset.com
การขยายพันธุ์ โดย เกษตรกรจะนิยมปลูกถั่วหรั่งเป็นพืชแซมในสวนยางพารา หรือสวนผลไม้ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคเข้าทำลาย และเจริญเติบโตได้ดีแม้ในดินที่มีสภาพความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เพื่อให้ถั่วหรั่งสามารถติดฝักได้อย่างมีคุณภาพ ดังนั้น จึงควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน หรือประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ถ้ามีน้ำให้อย่างเพียงพอก็สามารถปลูกนอกฤดูก็ได้
วิธีปลูกไถพรวนดินให้มีความร่วนซุย จะยกร่องหรือไม่ก็ได้ ใช้จอบขุดเป็นหลุมตื้นๆ ใส่ปุ๋ยคอกรองพื้นเล็กน้อยก็จะดี แล้วหยอดเมล็ดลงในหลุมละ 2 เมล็ด ระยะปลูก 60×60 ซม. โดยประมาณ หากปลูกเป็นพืชแซมในสวนยางพาราที่ต้นยังเล็ก อายุไม่ 3 ปีก็ได้
หลังนั้นอีก 15- 20 วัน ต้นถั่วงอกออกมา ให้.ljปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในอัตราไร่ละราว 30-40 กก. พออายุได้ 110-120 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว จะได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ล 450-550 กก.ขายกัน กก.ละ 50-70 บาท
ฉะนั้นถั่วหรั่งจึงเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ควรได้รับการสนับสนุนให้เป็นพืชทางเศรษฐกิจได้